เมล็ด มะเขือเทศแคระ มะเขือเทศพุ่มเตี้ย สีแดง สีเหลือง Potted Tomato 200 เมล็ด
เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศแคระ มะเขือเทศพุ่มเตี้ย มะเขือเทศกรกะถาง มีให้เลือก 3 สายพันธุ์
ระยะเวลาในการงอก 7 - 12 วัน
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการงอกคือ 16-28 ̊C
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตคือ15-28 ̊C (กลางวัน) 15-28 ̊C(กลางคืน)
#.1 มะเขือเทศพันธุ์เลื้อยแคระ มะเขือเทศกระถาง Potted Tomato สายพันธุ์ OP
จำนวน 200 เมล็ด
อัตรางอก : 85%
แสงแดด : เต็มวัน
ดินที่เหมาะสม : ดินร่วน / ร่วนปนทราย
น้ำหนักผล : 15-20 กรัม/ผล
ความหวาน ≥ 10.6 Brix.
วันที่ผลิต : ก.ค. 2564 (อายุในการเก็บรักษา 24 เดือน)
ลักษณะประจำพันธุ์:
ปลูกง่าย ผลไม่แตก ผลทรงบอล สีสวย รสชาติดี หวานอมเปรี้ยว พันธุ์เลื้อยแคระ เหมาะสำหรับปลูกลงกระถางเป็นไม้ประดับ อุณภูมิที่เหมาะสม 15-30 ̊C
#.2 มะเขือเทศแคระ มะเขือเทศพุ่มเตี้ย Potted Tomato สายพันธุ์ OP
จำนวน 50 เมล็ด
อัตรางอก : 85%
แสงแดด : เต็มวัน
ดินที่เหมาะสม : ดินร่วน / ร่วนปนทราย
น้ำหนักผล : 10 - 30 กรัม/ผล
วันที่ผลิต : ม.ค. 2565 (อายุในการเก็บรักษา 24 เดือน)
ลักษณะประจำพันธุ์:
สายพันธุ์แคระ ความสูงของต้น30-50ซม. ทรงพุ่ม30ซม. ไม่ต้องทำคาง เจริญเติบโตได้ดี เหมาะสำหรับปลูกลงกระถางหรือปลูกลงแปลงปลูก ผลทรงบอล ผลแดง น้ำหนักผล10-30 กรัม/ผล อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตคือ20-28 ̊C อุณหภูมิที่เหมาะสมในการงอกคือ 25-30 ̊C การที่จะปลูกลงกระถาง แนะนำให้ใช้กระถาง10.นิ้วขึ้นไป ความลึกของดินลึกกว่า20ซม. ปลูกกระถางละ1ต้น การที่ปลูกลงแปลง ระยะปลูก 50*50ซม. ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกคือปลายฝนต้นหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า12 ̊C จะทำให้การเจริญเติบโตช้ามาก
#.3 มะเขือเทศผลเหลือง พุ่มเตี้ย
จำนวน 100/200 เมล็ด
อัตรางอก : 85%
แสงแดด : เต็มวัน
ดินที่เหมาะสม : ดินร่วน / ร่วนปนทราย
ความสูงต้น : 20-25 ซม.
น้ำหนักผล : 15-22 กรัม/ผล
วันที่ผลิต : ส.ค. 2564 (อายุในการเก็บรักษา 24 เดือน)
สายพันธุ์แคระ ความสูงของต้น20-25ซม. ทรงพุ่ม30ซม. ลำต้นขนาดใหญ่ ไม่ต้องทำคาง เจริญเติบโตได้ดี เหมาะสำหรับปลูกลงกระถางหรือปลูกลงแปลงปลูก ผลทรงบอล ผลเหลือง น้ำหนักผล15-20กรัม/ผล อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตคือ15-28 ̊C อุณหภูมิที่เหมาะสมในการงอกคือ 16-28 ̊C ควรทำการย้ายปลูกเมื่อต้นมีอายุประมาณ25วัน การที่จะปลูกลงกระถาง แนะนำให้ใช้กระถาง10.นิ้วขึ้นไป ความลึกของดินลึกกว่า20ซม. ปลูกกระถางละ1ต้น การที่ปลูกลงแปลง ระยะปลูก 40*80ซม. ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกคือปลายฝนต้นหนาว
จากการวิจัยของนักโภชนาการพบว่าการบริโภคมะเขือเทศสดวันละ 50 กรัม -100 กรัมต่อคน สามารถตอบสนองความต้องการของร่างกายมนุษย์สำหรับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มะเขือเทศมีสาร ไลโคปีน ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรียกรดมาลิกกรดซิตริกและน้ำตาลที่มีอยู่สามารถช่วยในการย่อยอาหาร มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารและมีหน้าที่มากมายซึ่งเรียกว่าผลไม้แห่งจานวิเศษ กรดอินทรีย์เช่นกรดมาลิกและกรดซิตริกในมะเขือเทศยังเพิ่มความเป็นกรดของน้ำย่อยช่วยย่อยอาหารและปรับการทำงานของระบบทางเดินอาหาร มะเขือเทศมีกรดผลไม้ซึ่งสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อภาวะไขมันในเลือดสูง มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอวิตามินซีวิตามินบีวิตามินบีแคโรทีนแคลเซียมฟอสฟอรัสโพแทสเซียมแมกนีเซียมเหล็กสังกะสีทองแดงและไอโอดีนนอกจากนี้ยังมีโปรตีน้ำตาลกรดอินทรีย์และเซลลูโลส
วิธีการเพาะกล้า
1. การบ่มเมล็ด
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ แช่ในน้ำอุ่น 50 องศา ผสมน้ำยาเร่งรากแบบเจือจางและเชื้อราไตรโคเดอร์มา (ป้องกันโรคจากเชื้อรา) แช่ทิ่งไว้ 30นาที นำเมล็ด (ไม่ควรวางหนาแน่นเกินไป) มาวางในกระดาษเพาะกล้าหรือผ้าขาวบางชุบน้ำมาดๆ แล้วจึงห่อเมล็ดห่อกระดาษเพาะเมล็ดอีกครั้งด้วยถุงพลาสติกใสหรือถุงใส่แกง เก็บในที่อุณหภูมิ 28- 30 องศาเซลเซียส โดยใส่ในภาชนะที่มิดชิด เช่น กระติกน้ำเพื่อรักษาอุณหภูมิ นานประมาณ 24 ชั่วโมง
2. การเพาะกล้า
บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส) ลงในถาดเพาะกล้าขนาด 104 หลุม ไม่แน่นเกินไป รดน้ำให้ชุ่ม นำเมล็ดที่ผ่านการบ่ม มาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดด รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 25-30 วัน
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 25-30 วัน หลังจากหยอดเมล็ด
การปลูก
ในแปลงปลูกควรขุดไถดินให้ลึก 25-30 เซนติเมตร ตากดินไว้ 5-7 วัน แล้วใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วประมาณ 4-5 ตัน/ไร่ คลุกเคล้าลงไปในดิน เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์และปรับปรุงสภาพทางกายภาพของดินแล้วพรวนย่อยบนผิวหน้าดินให้มีขนาดเล็กลง ถ้าดินเป็นกรดควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับปรุงดินด้วย
ระยะปลูกที่เหมาะสมของมะเขือเทศประเภทที่ปลูกโดยไม่ใช้ค้างใช้ระยะห่างระหว่างต้นและระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 50×50 เซนติเมตร ส่วนประเภทที่ปลูกโดยใช้ค้างใช้ระยะประมาณ 30-40×70 เซนติเมตร มะเขือเทศนี้นิยมปลูกทั้งแบบแถบเดี่ยวและแถวคู่
แบบแถวเดี่ยวเหมาะสำหรับปลูกแบบไม่ใช้ค้าง ปลูกแบบในไร่ หรือนาข้าว หลังเก็บเกี่ยว
แบบแถวคู่ เหมาะกับการปลูกแบบใช้ค้าง โดยยกแปลงกว้างขนาด 1 เมตร เมื่อเตรียมกล้าและหลุมปลูกเสร็จแล้วก็ย้ายกล้าลงหลุมปลูกรดน้ำทันที และจะช่วยพรางให้ต้นกล้าด้วยใบตอง ทางมะพร้าว หรือกรวยกระดาษ ในช่วง 2-3 วัน แรก เพื่อช่วยให้ต้นกล้าตั้งตัวได้ดีขึ้น
การให้ปุ๋ย
ก่อนปลูกควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ย15-15-15 อัตรา 20 กรัม/หลุม หลังจากนั้นต้องให้ปุ๋ยเสริมตามสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน